“AEC Smart Move : รู้ทิศ พิชิตโอกาส ก้าวสู่ตลาดอาเซียนอย่างยั่งยืน”
จัดโดย ศูนย์ AEC Business Support Center กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โดยมี
คุณกุลณี
อิศดิศัย หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิด จัดโดย ศูนย์ AEC Business Support Center กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โดยมี
![]() |
คุณกุลณี อิศดิศัย หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ |
กิจกรรมในงานฯ
ประกอบด้วย
(1) กิจกรรมในช่วงเช้า
1.1 การบรรยายในหัวข้อ
"โอกาสของผลิตภัณฑ์ไทย หลังเปิดตลาด AEC "
โดย คุณวิทูร ศุภประกฤต
ที่ปรึกษาอิสระและอดีตผู้จัดการอาวุโสฝ่ายธุรกิจต่างประเทศ
บริษัท โอสถสภา จำกัด
การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของสภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจทำให้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนวิธีการบริหารธุรกิจแบบดั้งเดิมมาเป็นการบริหารจัดการในเศรษฐกิจยุคใหม่โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการตลาด ในยุค 4.0
เมื่อสร้างสินค้าให้ดีแล้วควรมีความพร้อมบุกตลาดทั้ง Online และ Offline
บริบทของยุคเศรษฐกิจใหม่
๑. No boundary ลดภาษีลง แต่ NBT
เพิ่ม การขนส่งง่ายขึ้น
๒. Connectivity เชื่อมโยงด้วย Social
ใช้สื่อออนไลน์ เว็ปไซด์
๓. Synergize (1+1=11) เช่น Unilever+Alibaba
, Alibaba+Lazada
๔. Low Operation Cost (Out Source) Freelance มีมากขึ้น
๕. High Competition เนแบบเร็ว
จะทิ้งคู่แข่งอย่างไร
๖. Information and System (ข้อมูลและระบบ)
๗. Speed Gains (เร็วชนะใหญ่)
๘. Technology support (อยู่ที่ไหนในโลกก็ทำงานได้
เมื่อ Online)
การจัดกลุ่มประเทศใน AEC เพื่อวางแผนการตลาด
· กลุ่มพัฒนาแล้ว เชานสิงคโปร์ มาเลย์เซีย
ประชากร 35 ล้านคนพอๆกับตะวันออกกลาง มีกำลังซื้อสูง ขายสินค้าคุณภาพ ราคาสูง
มีการศึกษา ฮาลาล
· กลุ่มตลาดใหญ่ เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์
เวียดนาม ไทย รวม 490 ล้านคน ตลาดเติบโตขึ้น กำลังซื้อเพิ่มขึ้นคุณภาพและราคาที่เหมาะสม สามารถแข่งขันได้ อาศัยการกระจายและลดต้นทุนการขนส่ง
อาหาร ฮาลาล
· ประเทศกำลังพัฒนา ลาวง พม่า กัมพูชา
มีประชากรราว 70 ล้านคน ยังต้องช่วยพัฒนาจัดการ เน้นหาซื้อง่ายราคาถูก
คุณภาพมาตรฐานต่ำกว่า ต้องรองรับความเสี่ยงกับกำไร
ข้อพิจารณาการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศในยุคปัจจุบัน
• จดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ตั้งบริษัท ย้ายฐานการผลิต
• ตั้งโรงงาน ตั้งสำนักงานตัวแทน ตั้งบริษัทจัดจำหน่ายเอง 100 %
• ส่งผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเข้าไปดำเนินการโดยเฉพาะฝ่ายขาย การตลาด และการเงิน
• การควรวมกิจการ M&A เพื่อการเติบโตแบบก้าวกระโดด
• การร่วมลงทุนในกิจการ Joint Venture
• การให้สัมปทานสืทธิการจำหน่าย (Distribution Agreement)
• การผลิต (Licensing under brand name)
• ว่าจ้างการผลิตแบบ OEM
1.2
เสวนาในหัวข้อ “AEC Smart Move : รู้ทิศ พิชิตโอกาส ก้าวสู่ตลาดอาเซียนอย่างยั่งยืน”
โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิประกอบด้วย
- คุณพรศิลป์
พัชรินทร์ตนะกุล
ที่ปรึกษาคณะกรรมการหอการค้าไทย
-
คุณวุฒิพงษ์ ผาณิตเศรษฐกร
กรรมการผู้จัดการ
บริษัท แบงค็อก เฟซ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
- คุณทรงพล
เนรกัณฐี
ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างแบรนด์
ดำเนินรายการโดย สุภาวดี เวศยพิรุฬห์ สื่อมวลชนอาวุโสด้านเศรษฐกิจและ SME
คุณพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล
ที่ปรึกษาคณะกรรมการหอการค้าไทย
การประกอบธุรกิจผู้ประกอบการควรมองไปข้างหน้าว่าตลาดจะมีการขับเคลื่อนไปในทิศทางใด ทั้งนี้
ได้มีการประเมินทิศทางการค้าโลกยุคใหม่ว่าจะเป็นการดำเนินใน 4 ด้าน
ประกอบด้วย
๑. ภาคการผลิตก้าวสู่ยุคที่ดำเนินด้วยหุ่นยนต์
ด้วยเหตุผลว่าแรงงานในภาคการผลิตมีแนวโน้มลดลงจากการก้าว เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ
ขระที่ประชากรเกิดใหม่มีจำนวนลดลง
๒. การสร้างประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจโดยนำ ICT : information
and communications technology
๓. การสร้างมูลค่าเพิ่มจากคุณสมบัติพิเศษของสินค้าด้วย
Nanotechnology
หมายถึงเทคโนโลยีประยุกต์ซึ่งเกี่ยวข้องกับการจัดการ การสร้าง
การสังเคราะห์วัสดุหรืออุปกรณ์ในระดับของอะตอม
โมเลกุลหรือชิ้นส่วนที่มีขนาดเล็กในช่วงประมาณ 1 ถึง 100 นาโนเมตร
ซึ่งจะส่งผลให้วัสดุหรืออุปกรณ์ต่างๆ มีหน้าที่ใหม่ๆ
และมีคุณสมบัติที่พิเศษขึ้นทั้งทางด้านกายภาพ เคมี และชีวภาพ
ทำให้มีประโยชน์ต่อผู้ใช้สอยและเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ
๔.
การขับเคลื่อนด้วย biotechnology หรือ เทคโนโลยีชีวภาพ คือ
เทคโนโลยีซึ่งนำเอาความรู้ทางด้านต่างๆของวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้กับสิ่งมีชีวิต
หรือชิ้นส่วนของสิ่งมีชีวิต หรือผลผลิตของสิ่งมีชีวิต
เพื่อเป็นประโยชน์ต่อมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นทางการผลิตหรือทางกระบวนการ
ของสินค้าหรือบริการ เพื่อใช้ประโยชน์เฉพาะอย่างตามที่เราต้องการ
โดยสามารถใช้ประโยชน์ทางด้านต่างๆ
การดำเนินธุรกิจต้องไม่ละเลยการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน
ทั้ง 2 ด้าน ประกอบด้วย Global
Value Chain และRegional Value Chain โดยพิจารณาว่ากิจการดำเนินอยู่ในตำแหน่งใดของห่วงโซ่อุปทาน
เพราะทั้งก่อนและหลังของห่วงโซ่ที่อยู่ย่อมมีผลกระทบซึ่งกันและกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการบ่งบอกถึงแหล่งกำเนิดสินค้าที่จะทำให้ผู้บริโภคเกิดความมั่นใจและสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในด้านพิกัดอัตราภาษีศุลกากรของเครือข่ายทางการค้าที่ไทยเข้าไปร่วม จะทำให้ต้นทุนในการส่งออกสินค้าสามารถทำให้สามารถแข่งขันได้ด้านราคา
คุณวุฒิพงษ์ ผาณิตเศรษฐกร
กรรมการผู้จัดการ บริษัท แบงค็อก เฟซ อินเตอร์เนชั่นแนล
จำกัด
สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการเจาะตลาดต่างประเทศ
๑. ผู้ประกอบการควรมีความชัดเจนว่าจะมุ่งสู่ตลาดใด
เพื่อเข้าไปศึกษาด้านกฏหมายที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบ อาทิ
การวางแผนจดทะเบียนตราสินค้าที่แต่ละประเทศจะมีขั้นตอนและค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกัน
การอาศัยพันธมิตรในท้องถิ่นจะช่วยให้การดำเนินการเป็นไปอย่างถูกต้องและรวดเร็วมายิ่งขึ้น
๒. การศึกษาช่องทางการเข้าถึงตลาดของประเทศที่เปิดตลาดว่ามีกี่แบบและแบบใดมีประสิทธิภาพ
มีความเหมาะสมกับสินค้าในการเข้าถึง เช่น
กรณีของประเทสเวียดนามตลาดสินค้าเครื่องสำอางค์ส่วนรใหญ่ร้อยละ ๗๐
ผ่านการค้าขายแบบดั้งเดิม (Traditional Trade) โดยตัวแทนจำหน่ายจะเชื่อมเครือข่ายในท้องถิ่นมากกว่าการเข้าห้างสรรพสินค้า ผู้ประกอบการสามารถค้นหาคู่ค้าในลักษณะนี้ผ่าน On
line Marketing
การกำหนดราคาส่งต้องคำนึงถึงส่วนต่างที่ตัวแทนจำหน่ายจะได้รับซึ่งแต่ละตลาดจะต่างกัน
เช่น สินค้าเครื่องสำอางค์พม่าสามารถใช้เกณฑ์ ร้อยละ ๔๐ ส่วนเวียดนามอาจสูงถึง
ร้อยละ ๖๐-๖๕ เพราะจะมีค่าขนส่งเพิ่ม
๓. การศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค คือ
หัวใจสำคัญ ของการเปิดตลาด เช่น
ตลาดเวียดนามผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการพิจารณาคุณภาพสินค้านิยมตรวจสอบด้วยบาร์โค๊ท
และรมัดระวังสินค้าอาหาร เพราะขาดความไว้วางใจในสินค้าจากประเทศจีน
แม้กระทั่งก่อนซื้อปลามึกต้องตรวจสอบด้วยการนำมาเผาเพื่อพิสูจน์ว่าเป็นปลาจริงๆ
คุณทรงพล เนรกัณฐี
ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างแบรนด์
การตลาดในปัจจุบันไม่ใช่การขายของถูกแต่เป็นการขายคุณค่าของสินค้า การสร้างลายนิ้วมือ หรือ fingerprint ของตัวเองคือสร้างจุดยืนสร้างความแตกต่างจากสินค้าประเภทเดียวกันโดยเริ่มตั้งแต่ที่มาของวัตถุดิบที่มีเอกลักษณ์ทางภูมิศาสตร์
หรือ Geographic Identity สามารถช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยเรื่องราวที่ถูกนำเสนอ
ผ่านกระบวนการผลิตทีได้มาตรฐานและการนำเสนออย่างมีกลยุทธ์ตั้งแต่การตั้งชื่อที่สื่อความหมาย
การสร้าง fingerprint ของตัวเองนอกจากความสามารถในการแข่งขันแล้วยังสามารถสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจอีกด้วย
(2) กิจกรรมช่วงบ่ายการจับคู่ธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการในภูมิภาคกับผู้จัดจำหน่ายสินค้าในตลาดอาเซียน
ได้แก่ บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) /บริษัท ดีเคเอสเอช จำกัด / บริษัท แบงคอค
เฟส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด /บริษัท ยู-โกลบ อินเตอร์เทรด จำกัด /บริษัท โทนี่ อินเตอร์เน็ทเวิร์ค
จำกัด
(3)
การออกคูหาประชาสัมพันธ์ข้อมูลการค้าการลงทุนในตลาดอาเซียนและรับสมัคร
สมาชิกชมรมนักธุรกิจไทยในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ( DITP AEC CLUB )
สมาชิกชมรมนักธุรกิจไทยในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ( DITP AEC CLUB )
ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก
ศูนย์พัฒนาการค้าและธุรกิจไทยในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
(AEC
Business Support Center)
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
กระทรวงพาณิชย์
ID.Line : HongSupawadee
E-mail : hongsupawadee@gmail.com
No comments:
Post a Comment