Monday, August 29, 2016

AEC Smart Move # 7 อุบลราชธานี by AEC Business Support Center



 “AEC Smart Move : รู้ทิศ พิชิตโอกาส ก้าวสู่ตลาดอาเซียนอย่างยั่งยืน” 
จัดโดย ศูนย์ AEC Business Support Center กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
โดยมี คุณเอกสิทธิ์ อารยนันท์ พาณิยชย์จังหวัดอุบลราชธานี ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิด

คุณเอกสิทธิ์ อารยนันท์ พาณิยชย์จังหวัดอุบลราชธานี


กิจกรรมในงานฯ ประกอบด้วย 
(1) กิจกรรมในช่วงเช้า  
1.1 การบรรยายในหัวข้อ "โอกาสของผลิตภัณฑ์ไทย หลังเปิดตลาด AEC "
      โดย  ดร.ปิติ  ศรีแสงนาม
 ผู้อำนวยการศูนย์อาเซียนศึกษา
 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ประชาคมอาเซียนคือโอกาสและความท้าทาย  เพราะเป็นความร่วมมือในทุกมิติในทุกระดับ ในทุกเรื่องของคน 600 กว่าล้านคน  กฎระเบียบข้อตกลงระหว่างกันได้เข้ามาเปลี่ยนภูมิประเทศของสมาชิกใหม่  เมื่อกำแพงที่เป็นมาตรการทางการค้าหมดไปแต่กลับสร้างกำแพงทางจิตวิทยาขึ้นแทน  ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยควรมองอาเซียนด้วยมุมมองใหม่
-            สปป.ลาว / กัมพูชา  สามารถเชื่อมไปสู่ตลาดที่ใหญ่กว่าได้ คือ เวียดนามที่มีประชาคม 100 ล้านคน  และเวียดนามยังเป็นข้อต่อที่เชื่อมต่อไปยังจีน     กวางโจวถึงหนานหนิงใช้ระยะเวลา 2 วัน จากหนานหนิงถึงขอนแก่น 2 วัน  ขอนแก่นจึงเป็นศูนย์กระจายสินค้าที่ดีของสินค้าจากประเทศจีน (ของใหม่ล่าสุดวางที่แฟชั่นวีคจะถูกก๊อปปี้ใน 15 ชั่วโมงและมาถึงขอนแก่นภายใน 5 วัน) สำหรับมุกดาหารกับสวรรค์เขตมีข้อตกลงตั้งด่านศุลกากรที่มุกดาหารใช้เวลาตรวจภายใน 1 ชม. ไม่ต้องกรอกแบบฟอร์มโดยใช้ National single window จึงเป็นช่องทางขนส่งสินค้าที่คล่องตัว
-            เมียนม่ามีประชากร 55 ล้านคน เป็นเกตเวย์สู่มหาสมุทรอินเดีย เป็นประตูสู่ลาดอินเดียที่มีประชากร 1,250 ล้านคน
-            ตลาดอาเซียน 610 ล้านคน คิดเป็น 8.8% ของประชากรโลก จึงเป็นตลาดที่มีความต้องการและมีเงินในปี 2015 คนอาเซียนสร้างรายได้รวมกัน 2.65 ล้านๆดอลล่าห์ (ขณะที่ไทยผลิตได้ 4 แสนล้านดอลล่าห์)   มีรายได้อันกับ 7 ของโลกและอันดับ 3 ของเอเชีย   ธนาคารโลกคาดการณ์ปี 2050 อาเซียนจะเป็นเศรษฐกิจอันดับ 4 ของโลก (1 จีน 2 สหรัฐ 3 ญี่ปุ่น)
-            การทำธุรกิจขึ้นอยู่กับ ปัจจัย 4 อย่าง คือ คนผลิต สินค้า  สถานที่ และคนซื้อ  ถ้าทำธุรกิจโดยนำเอา 3 ปัจจัยด้านอุปทานเป็นตัวตั้งโอกาศล้มเหลวมีมากเพราะเป็นการตอบสนองความต้องการของตัวผู้ประกอบการเอง  ธุรกิจจะสำเร็จจึงต้องทำเพื่อตอบอุปสงค์คือความต้องการของคนหรือผู้ซื้อเป็นหลัก       

1.2  เสวนาในหัวข้อ “AEC Smart Move : รู้ทิศ พิชิตโอกาส ก้าวสู่ตลาดอาเซียนอย่างยั่งยืน
      โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิประกอบด้วย
-            คุณวิทูร ศุภประกฤต
ที่ปรึกษาอิสระและอดีตผู้จัดการอาวุโสฝ่ายธุรกิจต่างประเทศ
บริษัท โอสถสภา จำกัด 
-                คุณอมรเทพ อสีปัญญา
              ผู้อำนวยการการขายต่างประเทศ
             บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน)
-            คุณสุรศักดิ์  พันธ์วิไล
             ผู้จัดการทั่วไป
             บริษัท เศรษฐ์อินเตอร์เทรด จำกัด  

ดำเนินรายการโดย  สุภาวดี  เวศยพิรุฬห์ สื่อมวลชนอาวุโสด้านเศรษฐกิจและ SME


คุณวิทูร ศุภประกฤต
ที่ปรึกษาอิสระและอดีตผู้จัดการอาวุโสฝ่ายธุรกิจต่างประเทศ
บริษัท โอสถสภา จำกัด 


    การเปิดตลาดประเทศเพื่อนบ้าน ผู้ประกอบการควรศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคซึ่งแต่ละประเทศของเพื่อนบ้านจะมีความแตกต่างกัน  และเตรียมความพร้อม
  การทำการค้ากับประเทศเพื่อนบ้านควรควบคู่กับการค้าขายสองทางคือเ เมื่อส่งสินค้าไปแล้วสามารถซื้อวัตถุดิบกลับมาเพื่อทำการแปรรูปเพื่อส่งออก     

       คุณอมรเทพ อสีปัญญา
       ผู้อำนวยการการขายต่างประเทศ
       บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน)

                   การส่งออกสินค้าแบรนด์ไทยในนามซาบีน่า(จากเดิมคือชุดชั้นในจินตนา)เป็นสินค้า Mass Product จึงพิจารณาส่งออกไปยังประเทศที่มีประชากรจำนวนมาก ได้แก่ กลุ่ม VIP ประกอบด้วย
o  เวียดนาม                               90 ล้านคน         มีห้างสรรพสินค้าชั้นนำทยอยเปิดจำนวนมาก
o  อินโดนีเซีย                         200 ล้านคน
o  ฟิลิปปินส์                   เกิน 100 ล้านคน เมื่อปี 2015
สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการเจาะตลาดต่างประเทศ
๑.          การค้นหาตัวเอง
๒.          หาจุดขายของสินค้าที่แตกต่างจากคู่แข่งอย่างไร
๓.         การเข้าถึงผู้บริโภคในสินค้าที่ยากในการทำโฆษณาประชาสัมพันธ์สื่อหลักอย่างชุดชั้นใน
ที่มีเรื่องของขนบธรรมเนียม วัฒนธรรมและศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้อง  สามารถใช้ช่องทางโซเชียล
มีเดียในการเข้าถึงได้เป็นอย่างดี  

       คุณสุรศักดิ์  พันธ์วิไล
       ผู้จัดการทั่วไป
       บริษัท เศรษฐ์อินเตอร์เทรด จำกัด  

                 ข้อได้เปรียบของการค้าขายกับประเทศ CLMV คือความนิยมในสินค้าไทย  ดังนั้น การเข้าสู่ตลาดผู้ประกอบการจึงควรพิจารณาว่าสินค้าหรือบริการของตนสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอย่างไร  มีอะไรแตกต่างจากคู่แข่งในตลาดนั้นๆโดยเลือกสินค้าที่เด่นที่สุดขึ้นมาพัฒนา
                  การทำ Focus Group ของกลุ่มประเทศที่มีกำลังซื้อเป็นอีกข้อควรพิจารณา  โดยมองถึงกำลังซื้อของตลาดเพียงส่วนในกลุ่มประเทศที่มีจำนวนประชากรสูง  แล้วพัฒนาสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค   เช่น กลุ่มผู้มีรายได้สูงที่มีถึงร้อยละ 20 ของประชากร 1,300 ล้านคนของประเทศอินเดีย เป็นต้น
                  การออกงานแสดงสินค้าคือช่องทางที่สามารถเข้าถึงตัวแทนจำหน่าย  ผู้ประกอบการสามารถเข้าร่วมกิจกรรมของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศทั้งที่จัดขึ้นในและต่างประเทศ  ที่สำคัญสำหรับสินค้ากลุ่มไลฟ์สไตล์คือ  การออกแบบสินค้าใหม่  อะไรที่ยากต่อความเข้าใจการอธิบายที่ดีที่สุดคือการให้ผู้เข้าร่วมงานทดลองใช้  

(     (2) กิจกรรมช่วงบ่ายการจับคู่ธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการในภูมิภาคกับผู้จัดจำหน่ายสินค้าในตลาดอาเซียน ได้แก่ บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) /บริษัท ดีเคเอสเอช จำกัด / บริษัท แบงคอค เฟส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด /บริษัท ยู-โกลบ อินเตอร์เทรด จำกัด /บริษัท โทนี่ อินเตอร์เน็ทเวิร์ค จำกัด




(3) การออกคูหาประชาสัมพันธ์ข้อมูลการค้าการลงทุนในตลาดอาเซียนและรับสมัคร
     สมาชิกชมรมนักธุรกิจไทยในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ( DITP AEC CLUB )  

ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก 
ศูนย์พัฒนาการค้าและธุรกิจไทยในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน 
(AEC Business Support Center)
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ  กระทรวงพาณิชย์

ID.Line : HongSupawadee
Facebook : Hong Supawadee 

E-mail : hongsupawadee@gmail.com

No comments:

Post a Comment